CR:Gotoknow.2561.อลิซในแดนมหัศจรรย์ (ออนไลน์).
สืบค้นวันที่3/มกราคม/2561
https://www.gotoknow.org › ... › รุ่งทิพย์ กล้าหาญ › สมุด › นิทานพัฒนาคน
อลิซในแดนมหัศจรรย์ (อังกฤษ: Alice in Wonderland) คือภาพยนตร์ผจญภัยแฟนตาซีในปี ค.ศ. 2010 กำกับโดยทิม เบอร์ตัน เป็นผลงานการประพันธ์บทภาพยนตร์ของลินดา วูลเวอร์ตัน นำแสดงโดย มีอา วาซีโควสกา, จอห์นนี เดปป์, แอนน์ แฮททาเวย์, เฮเลน่า บอนแฮม คาร์เตอร์, คริสพิน โกลเวอร์, ไมเคิล ชีน และ สตีเฟน ฟราย ซึ่งเป็นส่วนต่อขยายของวรรณกรรมชุด อลิซท่องแดนมหัศจรรย์ และ ธรูเดอะลุกกิงกลาสส์ ซึ่งภาพยนตร์ได้ใช้เทคนิคการตัดต่อผสมระหว่างการแสดงจริงและแอนิเมชันในภาพยนตร์เป็นการดำเนินเรื่องของอลิซในวัย 19 ปีและกลับเข้าไปยังดินแดนใต้พิภพโดยบังเอิญ สถานที่ซึ่งเธอเคยเข้าไปแล้วเมื่อ 13 ปีที่แล้ว เธอกล่าวว่าเธอเป็นเพียงผู้เดียวที่สามารถสยบแจ็บเบอร์ว็อกกี มังกรร้ายที่ควบคุมโดยเรดควีน ทิม เบอร์ตันกล่าวว่าแต่ดั้งเดิมนั้นเรื่องราว ดินแดนมหัศจรรย์ นั้นเกี่ยวกับเด็กหญิงที่เร่ร่อนจากตัวละครหนึ่งสู่ตัวละครหนึ่ง และเขาไม่รู้สึกถึงความต่อเนื่องของอารมณ์เขาเลยต้องการสร้างความรู้สึกเป็นเรื่องราวมากกว่าเป็นลำดับเหตุการณ์ เขาไม่ได้มองว่าภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นการนำมาสร้างใหม่ อลิซในแดนมหัศจรรย์ ปฐมทัศน์ ณ จัตุรัส Odeon Leicester กรุงลอนดอน ในวันที่ 25 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2010 และออกฉายในออสเตรเลียในวันที่ 4 มีนาคม ค.ศ. 2010 ในสหรัฐอเมริกาและสหราชอาณาจักรในวันที่ 5 มีนาคม ค.ศ. 2010 โดยวอลต์ดิสนีย์พิกเจอร์สผ่านระบบ 3 มิติและไอแม็กส์ 3 มิติ และในรูปแบบโรงภาพยนตร์ทั่วไป
เด็กหญิงอลิซรู้สึกเบื่อหน่ายกับการนั่งเล่นริมน้ำกับพี่สาวเธอเฝ้าดูพี่สาวอ่านหนังสือที่เต็มไปด้วยตัวอักษร ด้วยคำถามในใจว่า อ่านหนังสือที่ไม่มีรูปภาพจะสนุกได้อย่างไร และเธอก็เผลอหลับโดยฝันเห็นกระต่ายขาวสวมเสื้อกั๊ก มีนาฬิกาพกวิ่งผ่านเธอ เธอจึงวิ่งตามและลงไปในโพรงกระต่าย ที่นี้เธอพบกับสิ่งมหัศจรรย์มากมาย อาทิ น้ำวิเศษที่ดื่มแล้วตัวสูงหรือเตี้ยได้ เค้กวิเศษกินแล้วร่างกายใหญ่โตหรือหดเล็ก แม้กระทั่งเธอเอง ร่างกายการหดเล็กจนแทบจมแอ่งน้ำตาของตนเอง หรือเห็ดพิเศษที่ทำให้คอยืดยาว อลิซได้พบการแข่งขันวิ่งวุ่นของฝูงนำที่มีนกโดโด้เป็นผู้จัดการแข่งขัน ได้พบหนอนยักษ์สีน้ำเงินที่ชอบสูบควันและอาศัยบนดอกเห็ด ซึ่งมีท่าทีเป็นผู้รอบรู้ในเรื่องต่าง ๆ ได้เจอองครักษ์กบองค์รักษ์ปลา และแมวเซสเซียร์ที่ยิ้มได้หรือการร่วมดื่มน้ำชาวิกลจริตกับสามสหายได้แก่ เจ้าหนูดอร์เมาส์ กระต่ายมีนา และช่างทำหมวก หรือการได้เห็นสนามโครเกต์ของพระราชาและพระราชินีโพแดง ซึ่งเต็มไปไปด้วยทหารไพ่ ทีต้องพยายามเอาใจพระราชินีเพื่อใม่ป้องกันถูกสั่งตัดหัว สนามโครเกต์ของพระราชินีมีเม่นเป็นลูกบอล มีนกฟลามิงโก้เป็นไม้ตีเธอได้เจอเจ้ากริฟฟอนสัตว์เลี้ยงของพระราชินี ได้รับฟังโรงเรียนของเต่า จากเต่าประหลาดซึ่งมีลักษณะพิเศษกว่าโรงเรียนที่อลิสเคยเจอได้เห็นการเต้นระบำกุ้งล็อบเตอร์ และการที่อลิสได้มีส่วนร่วมในการพิจารณาคดีใครขโมยทาร์ตไป ในที่สุดอลิซก็ตื่นจากฝัน และบอกเล่าความฝันที่แสนมหัศจรรย์ให้พี่สาวฟันต่อมา อลิซในแดนมหัศจรรย์ ได้ถูกสร้างเป็นภาพยนตร์แฟนตาซีและนำออกฉายในปี 2553 ซึ่งเป็นเรื่องราวของอลิส คิงเลอร์ สาวน้อยวัย 19 ที่กำลังคิดถึงอนาคตของเธอ การเป็นคนคิดต่างคนอื่นทำให้เธอโดดเดี่ยวเมื่อตกอยู่ภายใต้สายตาของเหล่าหญิงสาวผู้สูงศักดิ์ที่มีจิตใจคับแคบแห่งกรุงลอนดอนในยุควิคตอเรีย อลิซ คิงส์ลีย์ รู้สึกสับสนวิธีการที่จะสร้างสมดุลระหว่างความฝันของเธอกับความคาดหวังของคนรอบข้างหลังจากการสูญเสียบิดาผู้เป็นที่รัก เธอไปร่วมงานปาร์ตี้ในสวน กับแม่และพี่สาวโดยที่เธอไม่รู้เลยว่ามันถูกวางแผนให้เป็นปาร์ตี้งานหมั้นของเธอ และในขณะที่ ฮามิชแอสคอตผู้เย่อหยิ่งกำลังขอเธอแต่งงาน อลิซได้เหลือบไปเห็นกระต่ายสีขาวใส่เสื้อโค๊ตตัวสั้นกับนาฬิกาพกวิ่งข้ามสนามไป เธอจึงวิ่งตามเจ้าขนปุยตัวขาวลงไปในโพรงกระต่ายสู่ดินแดน อันเดอร์แลนด์ ที่เธอเคยมาเยือนเมื่อครั้งยังเด็กแต่ความทรงจำเกี่ยวกับดินแดนและผู้ที่อาศัยอยู่ในดินแดนนี้ของเธอได้เลือนหายไปนานแล้วอย่างไรก็ตามเธอได้กลับมาพบกับเพื่อนวัยเด็กของเธอ ไม่ว่าจะเป็นกระต่ายขาวไวท์แรบบิทซึ่งทำหน้าที่ตามหาและนำพาอลิซมายังอันเอดร์แลนด์ แฝดยักษ์อ้วนจอมป่วน ทวีเดิลดี กับ ทวีเดิลดัม เดอร์เม้าส์ หนูตัวจิ๋ว การที่อลิซจำอันเดอร์แลนด์ไม่ได้ ทำให้ทั้งหมดคิดว่า เธอไม่ใช่อลิซตัวจริง จึงพาเธอไปหาหนอนผีเสื้อแอ๊บโซเลมแอ๊บโซเลม เป็นหนอนผีเสื้อสีน้ำเงินอาศัยบนเดอกเห็ดในป่าเห็ดที่ปกคลุมด้วยหมอกควันเป็นผู้รอบรู้และผู้พิทักษ์ "ออราคูลัม" เอกสารเก่าแก่ที่บันทึกทุกเหตุการณ์สำคัญทั้งในอดีต ปัจจุบัน และอนาคตในประวัติศาสตร์ของอันเดอร์แลนด์ กระต่ายขาวและทวีเดิลทั้งสองได้พาอลิซมาพบกับแอ๊บโซเลเพื่อที่จะให้ดูว่าเป็นอลิซตัวจริงเสียงจริงที่เคยมาเยือนดินแดนแห่งนี้เมื่อครั้งยังเด็กแอ๊บโซเลมบอกว่า อลิซถูกชะตากำหนดให้มาช่วยอันเดอร์แลนด์ แต่อลิซก็ปฏิเสธขณะนั้นเองทหารของราชินีแดงก็ปรากฏตัวขึ้น จับกระต่ายขาวและแฝดยักษ์ ในขณะที่อลิซและเดอร์เม้าส์สามารถหนีไปได้ ระหว่างทางอลิซได้พบกับเวสเชียร์ แมววิเศษที่พาเธอไปพบกับแมดแฮทเทอร์ ช่างทำหมวกผู้ภักดีกับราชินีขาวและกระต่ายมีนา ซึ่งทั้งสองหลุดรอดจากการจับกุมของราชินีแดงแมดแฮทเทอร์เชื่อว่า อลิสคือตัวจริงที่เคยมาเยือนวันเดอร์แลนด์ในวัยเด็ก จึงเล่าว่า ราชินีแดงได้แย่งชิงบังลังค์จากราชินีขาว และปกครองทุกคนด้วยความกลัว ดังนั้นจะต้องกอบกู้บัลลังค์และช่วยวันเดอร์แลนด์ให้เป็นอิสระ โดยอลิซจะเป็นอัศวินในวันศึกมหัศจรรย์ อลิซไม่เชื่อว่า จะเป็นตนเอง แมดแฮทเทอร์จึงถามว่า ความเป็นอลิสในวัยเด็กหายไปไหน ขณะนั้นราชินีแดงทราบข่าวว่า อลิสมาถึงอันเดอร์แลนด์จึงส่งทหารมาจับ แต่แมดแฮทเทอร์ก็ช่วยเหลือพาอลิสหนี จนกระทั่งตนเองถูกจับ อลิซจึงตัดสินใจช่วยเหลือแมดแฮทเทอร์ โดยการปลอมตัวเข้าไปอยู่ในวังราชินีแดงในนามอัม ราชินีแดงที่อลิสพบคือ คนที่มีหัวที่โตผิดขนาดและอารมณ์อันฉุนเฉียว ชอบสั่งให้ตัวหัวคนเป็นว่าเล่น ทำให้เหยื่อของเธอต่างหวั่นกลัวเธอเป็นอย่างมาก ราชินีแดงเป็นพี่สาวของราชินีขาว...ต่อมาเมื่อเจอแมดแฮทเทอร์จึงวางแผนค้นหาดาบศักดิ์สิทธิ์ของราชินีขาวเพื่อปราบสัตว์ร้ายที่ราชินีแดงใช้ข่มขู่คนให้หวาดกลัว ต่อมาอลิสค้นหาดาบเจอพร้อมกับราชินีแดงทราบว่า เธอคืออลิส จึงสั่งทหารจับตัวแต่แมดแฮทเทอร์ก็ขัดขวาง บอกให้เธอรีบหนีไปหาราชินีขาวราชินีแดงโกรธมากสั่งประหารชีวิตแมดแฮทเทอร์ โชคดีที่แมววิเศษเซสเชียร์มาช่วยไว้ แมดแฮทเทอร์ จึงประกาศเชิญชวนให้ทุกคนต่อต้านราชินีแดง ปรากฏว่า มีคนออกมาร่วมต่อต้านราชินีแดงโกรธมาก จึงสั่งทหารจับและประกาศสงครามกับราชินีขาว เมื่ออลิสพบราชินีขาวผู้อ่อนหวาน เธอมอบดาบให้ราชินีขาว แต่ราชินีขาวกลับให้ดาบนั้นแก่เธอพร้อมทั้งบอกว่าเธอจะเป็นผู้ใช้มันปราบเจ้ากริฟฟอนสัตว์ร้ายของราชินีแดงในวันศึกมหัศจรรย์ แต่อลิสก็ปฏิเสธเพราะเธอคิดว่า คนปราบสัตว์ร้ายไม่ใช่เธอ เมื่อกองทัพราชินีแดงมาประชันถึงเมืองทุกคนรอคำตอบจากอลิส เธอได้ปรึกษากับแอบโซเล็ม และแอ๊บโซเลมได้ท้าทายอลิซให้เข้าร่วมการต่อสู้เพื่อที่จะได้เข้าใจตัวเอง และเพื่อตอบคำถามว่า "เธอคือใคร?"ในที่สุดอลิสก็ตัดสินใจสู้กับสัตว์ร้ายและสามารถเอาชนะได้ที่สุด ราชินีขาวขึ้นปกครองอันเดอร์แลนด์ ราชินีแดงพร้อมทหารคู่ใจถูกเนรเทศ อลิสจึงกลับจากอันเดอร์แลนด์โดยสัญญากับเพื่อนๆ ว่าจะไม่ลืมอันเดอร์แลนด์ ราชินีขาวจึงส่งอลิสกลับสู่ข้างบนในโลกความจริงเมื่ออลิสออกจากโพรงไม้ สู่โลกความจริง ซึ่งฮามิช แอสคอต กำลังรอคำตอบการตกลงแต่งงานจากเธออยู่อลิสตอบปฏิเสธการแต่งงานและบอกกลับแม่และพี่สาวว่า เธอจะยังไม่แต่งงาน แต่จะหางานทำ เพื่อดูแลตนเอง พ่อของฮามิช แอสคอต จึงบอกว่า เมื่อเธอไม่อยากเป็นลูกสะใภ้ก็สามารถมาทำงานด้วย อลิสดีใจมากตอบตกลงทำงานพร้อมทั้งเสนอแผนการค้ากับต่างประเทศและตัดสินใจเดินทางไปค้าขายต่างประเทศภาพยนตร์เรื่องอลิสในดินแดนมหัศจรรย์ มิใช่เพียงความตื่นตาในจินตนาการเท่านั้น หากแต่เป็นความฝันและความกล้าของเด็กสาวคนหนึ่งในการตัดสินใจและเผชิญปัญหา การที่ อลิซลังเลที่จะตัดสินใจในการแต่งงานทั้งที่เธอไม่อยากแต่ง แต่ก็หาทางออกไม่ได้เพราะสภาพสังคมที่เชื่อว่า ชายเป็นผู้มีอำนาจ หากได้แต่งงานกับชายที่ดีมีความพร้อมก็เสมือนกับมีฉัตรแก้วเจ็ดชั้นกั้นภัย หากไม่ได้แต่งงานก็จะขึ้นคานให้คนดูแคลน ต่อมาเมื่อเธอกลับเข้ามาอยู่ในอันเดอร์แลนด์จึงเข้าใจว่า ปัญหาทุกอย่างสามารถแก้ไขได้ด้วยตนเอง เพื่อเชื่อมั่นในพลังอำนาจแห่งตน อนึ่งหนังเรื่องนี้ ยังบอกว่า คนเราย่อมมีคุณสมบัติความเป็นเด็กและความเป็นผู้ใหญ่ในตัว และทุกคนล้วนมีความฝัน หากแต่จะจัดการกับความฝันและความจริงอย่างไร การที่อลิสลงไปในโพรงในหลุมเพื่อสู่อันเดอร์แลนด์ เปรียบได้ดั่งการที่อลิสเกิดการสำรวจจิตไร้สำนึก หรือเบื้องลึกของจิตใจที่ไม่สามารถรับรู้ได้ในยามปกติ
การที่เธอหลบหนีจากโลกของจิตสำนึกหรือโลกความจริง เพื่อเข้ามาพักชั่วคราวในโลกแห่งความฝันความหวังเพื่อหาคำตอบที่เหมาะสมที่สุดเพื่อแก้ปัญหาที่เธอกำลังเผชิญ โดยเธอต้องตอบคำถามว่า "เธอคืออลิซคนนั้นหรือเปล่า" หรือ
"เธอคือคนเดียวกับหนูน้อยอลิซที่เคยมาเยือนแดนมหัศจรรย์เมื่อ 13 ปีที่แล้วรึเปล่า" อาจตีความได้ว่า ชาวอันเดอร์แลนด์กำลังตั้งคำถามให้เธอหันกลับมาพิจารณาตัวเองว่า"เธอกำลังทำในสิ่งที่เธอต้องการจริงๆ หรือเปล่า"
"เธอคือคนเดียวกับหนูน้อยอลิซที่เคยมาเยือนแดนมหัศจรรย์เมื่อ 13 ปีที่แล้วรึเปล่า" อาจตีความได้ว่า ชาวอันเดอร์แลนด์กำลังตั้งคำถามให้เธอหันกลับมาพิจารณาตัวเองว่า"เธอกำลังทำในสิ่งที่เธอต้องการจริงๆ หรือเปล่า"
ย้อนมองเราเองในวันนี้ วันที่เราเติบโตจากวัยเด็กที่เต็มด้วยจินตนาการ สู่โลกของผู้ใหญ่ที่เต็มด้วยภาระรับผิดชอบและความคาดหวังตามบทบาทที่ดำรงอยู่ ในโลกความจริงที่เราใช้ชีวิตประจำวัน อาจทำให้ความฝันเราหล่นหายมากน้อยต่างกันไป บางทีเราอาจต้องกลับสู่โพรงกระต่ายเพื่อสู่อันเดอร์แลนด์เพื่อหาคำตอบว่า ชีวิตคืออะไร
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น