วันอังคารที่ 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561

แบบทดสอบก่อนเรียน

แบบทดสอบก่อนเรียน>คลิ๊กที่นี่<

ประวัติส่วนตัว

ประวัติส่วนตัว
นางสาว ณัฐวดี ผละประเสริฐ อายุ 16 ปี
ชื่อเล่น ปิ่น เกิดวันที่ 24 ตุลาคม 2544
ที่อยู่ ตำบล บ้านลำ อำเภอ วิหารแดง จังหวัด สระบุรี 18150
จบการศึกษาชั้นประถมศึกษา ที่ โรงเรียนบำรุงปัญญา
จบการศึกษาชั้นมัธยมศึกษา ที่ โรงเรียนประเทียบวิทยาทาน
กำลังศึกษาอยู่ที่โรงเรียนประเทียบวิทยาทาน

นางสาวสวรินทร์  ทองอินทร์ อายุ15 ปี
ชื่อเล่น หญิง เกิดวันที่ 8 มิถุนายน 2545
ที่อยู่ ตำบลโคกแย้ อำเภอหนองแค จังหวัดสระบุรี 18230
จบการศึกษาชั้นประถมศึกษา ที่ โรงเรียนวัดหนองจอกใหญ่
จบการศึกษาชั้นมัธยมศึกษา ที่ โรงเรียนประเทียบวิทยาทาน
กำลังศึกษาอยู่โรงเรียนประเทียบวิทยาทาน

วันอังคารที่ 23 มกราคม พ.ศ. 2561

ราพันเซล

      



CR:wikipedia.2561.ราพันเซล.(ออนไลน์).
สืบค้นวันที่24/มกราคม/2561
https://th.wikipedia.org/wiki/ราพันเซล

         ราพันเซล (เยอรมัน: Rapunzel) เป็นเทพนิยายเยอรมันในงานสะสมที่พี่น้องตระกูลกริมม์รวบรวม ตีพิมพ์ครั้งแรกใน ค.ศ. 1812 โดยเป็นส่วนหนึ่งของนิทานของเด็กและครัวเรือน (Children's and Household Tales) นิยายของพี่น้องตระกูลกริมม์เป็นการดัดแปลงของเทพนิยาย "ราพันเซล" โดย ฟรีดริช ชุลซ์ ซึ่งตีพิมพ์ใน ค.ศ. 1790 ฉบับของชุลซ์อิงตาม แปร์ซีแน็ต (Persinette) โดย ชาร์แล็ต-โรซ เดอ กอม็อง เดอ ลา ฟอส (Charlotte-Rose de Caumont de La Force) ซึ่งตีพิมพ์ครั้งแรกใน ค.ศ. 1698ซึ่งได้รับอิทธิพลจากนิทานก่อนหน้านั้นอีก คือ เปโตรซีเนลลา (Petrosinella) โดย จีอามบัตติสตา บาซีเล (Giambattista Basile) ซึ่งตีพิมพ์ใน ค.ศ. 1634 อีกทอดหนึ่งโครงเรื่องของราพันเซลถูกใช้และล้อในสื่อต่าง ๆ และบาทที่ขึ้นชื่อที่สุด ("Rapunzel, Rapunzel, let down your hair", ท. ราพันเซล ราพันเซล ปล่อยผมเจ้าลงมา) เป็นสำนวนในวัฒนธรรมสมัยนิยม

 เนื้อเรื่อง

มีสามีและภรรยาโดดเดี่ยวคู่หนึ่ง อยากมีบุตรสักคน วันหนึ่ง พวกเขาทราบว่าภรรยาจะมีลูก สามีเป็นสุขมาก จนสัญญาว่าจะทำอะไรก็ได้ที่จะโปรดภรรยาเขา ทุกๆ วัน เมื่อยามที่ภรรยารอลูกเกิด เธอก็มองสวนงดงามของบ้านข้างๆ มันเป็นสวนของแม่มดที่มีพลังอำนาจมหาศาลตนหนึ่ง สวนนั้นเต็มไปด้วยดอกราพันเซล และภรรยาใคร่อยากทานสลัดแสนอร่อยที่ใช้ดอกนั้นเป็นวัตถุดิบหลัก แต่เธอและสามีเธอจน และดอกราพันเซลเป็นสิ่งที่ทำให้เธอนึกถึงความจนเสมอ เรื่องนี้ทำให้เธอเป็นทุกข์มาก สามีไม่สามารถทนมองภรรยาเขาเศร้า คืนนั้น เขาแอบเข้าไปในสวนของแม่มด และเด็ดเอาราพันเซลมาส่วนหนึ่ง เขานำพวกมันมาให้ภรรยาเขา เธอทานสลัดดอกราพันเซลของเธอ และโปรดมาก แต่ในไม่ช้า เธอก็ใคร่อยากได้อีกครั้งที่สอง สามีแอบเข้าไปในสวนนั้น แต่ครั้งนี้ แม่มดจับได้ สามีอ้อนวอนขออภัยโทษ โดยอ้างว่าที่ทำไป จะเพราะว่าทำให้ภรรยาที่มีครรภ์มีความสุข ซึ่งเธอใคร่สลัดดอกราพันเซล แม่มดไตร่ตรองสักพักหนึ่ง และบอกสามีว่าจะเด็ดเท่าไรก็ได้ แต่มีข้อแม้ว่าเมื่อภรรยาเขาคลอดลูก สามีต้องนำบุตรมามอบให้แทน สามีคิดว่าแม่มดคงจะลืม เขาเลยตอบตกลง แต่แม่มดไม่ได้ลืม เมื่อทารกเกิด เธอจะเอาไป แม่มดตั้งชื่อทารกว่า ราพันเซล และเลี้ยงเธอเหมือนกับลูกสาวตัวเองราพันเซลเติบโตด้วยความสวยขึ้นทุกๆ ปี แม่มดคิดว่าราพันเซลต้องเป็นของของเธอผู้เดียว เธอจึงนำราพันเซลไปขังในหอสูง ที่ไม่มีประตู หรือบันได แม่มดแอบขังลูกเลี้ยงเธอจากโลกภายนอกไว้เป็นปีๆ แม่มดระมัดระวังมากที่เธอไม่ยอมแม้กระทั่งสร้างบันไดที่ปีนได้ แม่มดใช้วิธีอื่นแทน โดยเรียก "ราพันเซล ราพันเซล ปล่อยผมเธอลงมา" ราพันเซลก็ย่อมจะปล่อยเปียสีทองของเธอลงมาจากหอสูง เพื่อให้แม่มดปีนขึ้นได้ ราพันเซลรู้สึกเหงาในหอมาก เธอมีแค่นกทั้งหลายที่เป็นมิตรเธอและฟังเธอร้องเพลงวันหนึ่ง เจ้าชายผู้หนึ่งได้ยินเสียงราพันเซลร้องเพลง เขาจึงขี่ม้าไปที่หอ และมองขึ้นที่โฉมงามในหน้าต่าง ความรักเกิดขึ้นในหัวใจเขา เจ้าชายกลับมาฟังราพันเซลร้องเพลงทุกๆ วัน เขาพยายามที่ค้นหาวิธีหนึ่งที่จะบอกเธอเรื่องความรักของเขา เมื่อเขารอ เขาได้ยินแม่มดเรียกราพันเซล และเห็นเธอปีนผมเปียขึ้น วันถัดไป เจ้าชายปลอมเสียงเรียกแบบแม่มดเจ้าชายปีนขึ้นไปข้างในหอ ราพันเซลตกใจ เธอไม่เคยเจอใครมาก่อนนอกจากแม่มด แต่เจ้าชายพูดกับเธอด้วยความอ่อนโยน เขาบอกเธอว่าเขาได้ตกหลุมรักกับเธอ ราพันเซลฟังด้วยหัวใจเธอ เธอยื่นมือเธอให้เจ้าชายในการสมรส เจ้าชายเยี่ยมราพันเซลทุกๆ บ่าย และมอบดอกกุหลาบให้ภรรยาเขาทุกครั้ง ทั้งสองวางแผนในการหลบหนีออกจากหอ ราพันเซลซ่อนแอบดอกกุหลาบทั้งหลาย โดยแยกดอกออกเป็นกลีบๆ ไว้ในชุดเธอวันหนึ่ง เมื่อแม่มดมาเยี่ยม กลีบดอกกุหลาบได้ร่วงหล่นออกมาจากชุดราพันเซล แม่มดเห็นและได้รับรู้การคบสู่ของเจ้าชาย แม่มดจึงตัดผมเปียราพันเซล และส่งเธอไปอยู่ในป่า คืนนั้น เมื่อเจ้าชายเรียก แม่มดปล่อยผมเปียราพันเซลลง ระหว่างที่เจ้าชายกำลังปีนขึ้น เขาได้พบว่าภรรยาเขาไม่อยู่แล้ว แม่มดจึงปล่อยผมเปียซึ่งทำให้เจ้าชายตกลงจากหอสูงเจ้าชายร่วงตกลงบนขวากหนาม ที่ตำบาดเฉียดลูกตาของเขา ซึ่งทำให้ตาเขาบอด เมื่อไม่มีตาที่มองได้และภรรยาแสนรัก เขาได้ท่องไปที่ที่ความโชคร้ายจะพาไป หลายฤดูผ่านไป และแล้ววันหนึ่งฤดูใบไม้ผลิ เจ้าชายได้ยินเสียงผู้หญิงร้องเพลง เขาเดินตามเสียงเพลงนั้น เมื่อเขาผู้ที่ร่ำร้อง เขาก็ได้พบราพันเซลและเธอมีลูกสองคนแล้ว ซึ่งเป็นลูกของเขาทั้งสองนั้นเอง ราพันเซลได้คลอดฝาแฝดของเจ้าชายในป่าโดยลำพัง ราพันเซลร้องไห้ด้วยความสุข และน้ำตาเธอที่เปี่ยมไปด้วยรักแท้ได้รักษาตาของสามีเธอ อำนาจร้ายของแม่มดได้จบลง
ในที่สุด ครอบครัวได้หลุดจากความโศกเศร้าและความอ้างว้าง พวกเขาได้อาศัยอยู่ในราชอาณาจักรของเจ้าชาย และเติมเต็มชีวิตพวกเขาที่เหลือไปด้วยรักและเสียงหัวเราะ

โฟรเซน





CR:wikipedia.2561.Frozen.(ออนไน์).
สืบค้นวันที่24/มกราคม/2561
https://th.wikipedia.org/wiki/ผจญภัยแดนคำสาปราชินีหิมะ


     ผจญภัยแดนคำสาปราชินีหิมะ หรือ โฟรเซน (อังกฤษ: Frozen) เป็นภาพยนตร์เพลงแนวแฟนตาซี-คอเมดีประเภทคอมพิวเตอร์แอนิเมชันสามมิติในปี พ.ศ. 2556 อำนวยการสร้างโดยวอลต์ดิสนีย์แอนิเมชันสตูดิโอส์และจัดจำหน่ายโดยวอลท์ ดิสนีย์ พิคเจอร์ส.[4] ภาพยนตร์เรื่องนี้ซึ่งได้แรงบันดาลใจจากเรื่องเล่าเรื่องราชินีหิมะของฮันส์ คริสเตียน แอนเดอร์เซน นับเป็นภาพยนตร์แอนิเมชันลำดับที่ห้าสิบสามของภาพยนตร์ในชุดแอนิเมชันคลาสสิกของวอลท์ดิสนีย์ โดยเล่าเรื่องเจ้าหญิงผู้กล้าที่ผจญภัยไปกับคนขายน้ำแข็ง กวางเรนเดียร์ และมนุษย์หิมะผู้อับโชค เพื่อค้นหาพี่สาวที่ห่างเหินซึ่งมีพลังน้ำแข็งที่ทำให้อาณาจักรตกอยู่ภายใต้ฤดูหนาวชั่วนิรันดร์โดยไม่ได้ตั้งใจ
ภาพยนตร์เรื่องนี้ผ่านช่วงการเรียบเรียงร่างบทภาพยนตร์มาหลายปีก่อนที่จะได้รับการอนุมัติให้เดินหน้าต่อใน พ.ศ. 2554 โดยมีเจนนิเฟอร์ ลี เป็นผู้เขียนบท และลีกับคริส บัก เป็นผู้กำกับ นอกจากนี้ยังได้ คริสเตน เบลล์, ไอดินา แมนเซล, โจนาธาน กรอฟฟ์, จอร์ช แกด และซานติโน่ ฟอนทาน่า มาเป็นผู้พากษ์เสียงตัวละคร คริสโตฟ เบค ผู้ร่วมงานกับดิสนีย์ในภาพยนตร์สั้น Paperman เป็นผู้เรียบเรียงทำนองออร์เคสตรา และโรเบิร์ต โลเปซ กับคริสเตน แอนเดอร์สัน-โลเปซ คู่สามีภรรยานักแต่งเพลงเป็นผู้แต่งเพลงประกอบเรื่องโฟรเซนเปิดรอบปฐมทัศน์ที่โรงภาพยนตร์เอลแคปิตันเมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายน 2556 และออกฉายเป็นการทั่วไปในวันที่ 27 พฤศจิกายน โดยได้รับเสียงวิจารณ์ในแง่บวกอย่างล้นหลามทั้งจากนักวิจารณ์และผู้ชม นักวิจารณ์บางคนเห็นว่าโฟรเซนเป็นภาพยนตร์แอนิเมชันและภาพยนตร์เพลงที่ดีที่สุดตั้งแต่ยุคฟื้นฟูของดิสนีย์ ภาพยนตร์ยังทำรายได้อย่างล้นหลาม ได้รับรายได้กว่า $1.2 พันล้านทั่วโลก โดยเป็นรายได้จากสหรัฐอเมริกาและแคนาดา $400 ล้าน และอีก $247 ล้านในญี่ปุ่น ได้รับการขนานนามว่าเป็นภาพยนตร์แอนิเมชันที่ทำเงินสูงสุดตลอดกาล, ภาพยนตร์ที่ทำเงินสูงสุดตลอดกาลลำดับห้า, ภาพยนตร์ที่ทำเงินสูงสุดในปี 2556 และภาพยนตร์ที่ทำเงินสูงสุดตลอดกาลลำดับสามในญี่ปุ่น โฟรเซนได้รับรางวัลออสการ์ ในสาขาภาพยนตร์แอนิเมชันยอดเยี่ยม และในสาขาเพลงประกอบภาพยนตร์ยอดเยี่ยม (เพลงเล็ทอิทโก), รางวัลลูกโลกทองคำสาขาภาพยนตร์แอนิเมชันยอดเยี่ยม รางวัลบาฟต้าสาขาภาพยนตร์แอนิเมชันยอดเยี่ยม[10]รางวัลแอนนีห้ารางวัล (รวมทั้งภาพยนตร์แอนิเมชันยอดเยี่ยม) และรางวัลนักวิจารณ์คัดสรรในสาขาภาพยนตร์แอนิเมชันยอดเยี่ยม และเพลงประกอบภาพยนตร์ยอดเยี่ยม (เพลงเล็ทอิทโก)

เนื้อเรื่อง

     ในอาณาจักรแห่งเอเรนเดลล์ พระราชาและพระราชินีมีพระธิดาสองคน เจ้าหญิงเอลซ่า พระธิดาองค์โต และเจ้าหญิงแอนนา พระธิดาองค์เล็ก จากเจ้าหญิงทั้งสองคน เอลซ่าเกิดมาพร้อมความวิเศษในการเสกน้ำแข็งออกมาได้ดังใจสั่ง คืนหนึ่ง อันนาปลุกเอลซ่าให้มาเล่นด้วยกัน ขณะที่เอลซ่าและอันนากำลังเล่นกำลังเล่นสนุกสนานกับพลังวิเศษนี้ พลังหิมะของเอลซ่าถูกเสกเข้าที่หัวของอันนาด้วยความไม่ตั้งใจ อันนาหมดสติ และเส้นผมส่วนหนึ่งของเธอเปลี่ยนเป็นสีขาว พระราชาและพระราชินีรีบพาเจ้าหญิงทั้งสองไปยังหุบเขาอันเป็นที่อยู่ของเผ่าโทรลล์ผู้วิเศษเพื่อขอความช่วยเหลือ ในขณะที่อันนายังหมดสติอยู่นั้น ปู่แพ็บบี้ โทรลล์เฒ่าผู้นำเผ่า กล่าวว่าโชคดีที่เธอถูกพลังแค่ที่หัว แต่หากเป็นหัวใจแล้วจะต้องแย่แน่ๆ แพบบี้ได้ลบความทรงจำของอันนาเกี่ยวกับพลังของเอลซ่าออก เหลือทิ้งไว้แต่ความสนุกสนานของทั้งสองพี่น้อง และเตือนเอลซ่าว่าพลังของเธอจะเพิ่มพูนขึ้นเรื่อยๆ เธอต้องหัดที่จะควบคุมพลังนี้ให้ได้เมื่อกลับสู่พระราชวัง เพื่อซ่อนเรื่องนี้เป็นความลับ พระราชาทรงสั่งให้มีการปิดประตูวัง ไม่ให้บุคคลทั้งภายนอกและภายในเข้าออก สองพี่น้องต้องถูกเลี้ยงดูแยกจากกัน การควบคุมพลังของเอลซ่านับวันมีแต่จะแย่ลงเรื่อยๆ พระราชาต้องมอบถุงมือพิเศษให้เอลซ่า เพื่อให้เธอควบคุมพลังของเธอได้ง่ายขึ้น ในขณะที่อันนาแม้จะได้ใช้ชีวิตอย่างปกติธรรมดา แต่ก็ต้องอยู่กับโดดเดี่ยวตลอดหลายปี จากการที่เอลซ่าไม่ยอมพูดคุยกับเธอ แม้เธอจะยังจดจำความสนุกสนานที่เคยมีด้วยกันตอนเด็กๆได้ จนกระทั่งจุดพลิกผันมาถึงชีวิตของทั้งสองเมื่อพระราชาและพระราชินีทรงสิ้นพระชนม์อย่างกระทันหันขณะเดินทางออกทะเล
สามปีหลังจากกการสิ้นพระชนม์ของพระราชาและพระราชินี เอลซ่าก็มีมีอายุครบกำหนดที่จะเข้าพิธีราชาภิเษก ในวันพิธีนั้น ประตูวังจึงได้เปิดออกหลังจากปิดมานานหลายปี อันนาซึ่งใช้ชีวิตอย่างโดดเดี่ยวมานานจึงออกจากวังเพื่อไปสำรวจบ้านเมือง ก่อนจะได้เจอกับเจ้าชายฮานส์ บุตรชายคนที่สิบสามของพระราชาแห่งหมู่เกาะทะเลใต้ และด้วยใบหน้าที่หล่อเหลาของเขา ทำให้อันนาตกหลุมรักฮานส์อย่างรวดเร็ว ส่วนเอลซ่าเธอเกรงว่าเธอจะปล่อยพลังของเธอออกมาในงานราชาภิเษก และเธอพยายามควบคุมมันไว้จนได้ที่งานเลี้ยงหลังพิธี อันนาและเอลซ่าได้พูดคุยต่อหน้ากันเป็นครั้งแรกในรอบหลายปี ทุกอย่างดูเหมือนจะดีขึ้น ทว่าเพียงครู่ต่อมาเมื่ออันนาได้พาฮานส์มาพบเอลซ่า เพื่อขออนุญาตจากเอลซ่าให้ทั้งสองแต่งงานกัน เอลซ่าไม่อนุญาต และให้เหตุผลว่าอันนาจะแต่งงานกับชายหนุ่มที่เพิ่งเจอกันแค่วันเดียวไม่ได้ และสองพี่น้องเริ่มทะเลาะกัน อันนาดึงถุงมือของเอลซ่าออก ด้วยความกดดัน เอลซ่าไม่สามารถควบคุมพลังวิเศษของเธอได้ และเสกน้ำแข็งออกมาต่อหน้าผู้คนทั้งอาณาจักร ดยุคแห่งวีเซิลตัน ซึ่งเป็นหนึ่งในแขกต่างเมืองที่มาร่วมงาน ตะโกนใส่เอลซ่าว่าเธอคือปีศาจ เธอจึงหวาดกลัวและวิ่งหนีออกไปจากเมือง และซ่อนตัวบนภูเขาอันห่างไกลจากอาณาจักร ณ ที่นั้น เธอรู้สึกปลดปล่อยจากความกดดันที่เธอพบมาเนิ่นนาน และได้ใช้พลังของเธอสร้างพระราชวังน้ำแข็งอันสวยงามขึ้นมา โดยที่ตลอดเวลานี้เธอไม่รู้เลยว่าพลังความกลัวของเธอทำให้ทั้งอาณาจักรตกอยู่ในสภาพฤดูหนาวชั่วนิรันดร์ที่โหดร้ายทางด้านของอันนา ซึ่งรู้สึกผิดที่เป็นต้นเหตุทำให้พี่ของตนหนีไป จึงรีบออกตามหาเอลซ่าด้วยตนเอง และมอบหมายให้เจ้าชายฮานส์เป็นผู้ดูแลอาณาจักรชั่วคราวแทน ในระหว่างทาง อันนาได้พบกับคริสตอฟฟ์ และสเวน กวางเรนเดียร์คู่ใจของเขา เพื่อให้เขาช่วยนำทางในการตามหาเอลซ่า ทว่าเพียงไม่นานหลังจากทั้งกลุ่มออกเดินทางด้วยกัน ก็ถูกฝูงหมาป่าออกมาไล่ล่า ระหว่างที่ทุกคนหนีเอาตัวรอด คริสตอฟฟ์ต้องเสียเลื่อนหิมะราคาแพงของเขา ด้วยความรู้สึกผิด อันนาจึงขอออกเดินทางต่อด้วยตัวเอง และจะชดใช้ค่าเสียหายให้เขาเมื่อเธอตามหาเอลซ่าพบ คริสตอฟฟ์ แม้จะไม่อยากจะช่วยอันนาในการเดินทางต่อ แต่สเวนก็โน้มน้าวให้คริสตอฟฟ์เปลี่ยนใจและช่วยอันนาตามหาพี่สาวของเธอต่อ ทั้งกลุ่มเดินทางมาพบกับโอลาฟ ตุ๊กตาหิมะที่เอลซ่าสร้างขึ้นระหว่างที่เธอกำลังหัดใช้พลังของเธอในการสร้างพระราชวังน้ำแข็ง โดยที่เอลซ่าเองไม่รู้ว่าโอลาฟนั้นได้มีชีวิตขึ้นมา โอลาฟอาสานำกลุ่มไปพบกับเอลซ่า
เมื่อทั้งพวกเขามาเจอกับเอลซ่าที่พระราชวังน้ำแข็ง อันนาพยายามเกลี้ยกล่อมให้เอลซ่ากลับไปช่วยอาณาจักรให้คืนสู่ฤดูร้อน แต่เอลซ่ากลับยิ่งกลัวที่พลังของเธอรุนแรงขนาดนี้ ทั้งยังเผลอระเบิดพลังความหวาดกลัวของเธอเข้าใส่เข้าหัวใจของอันนา และปฏิเสธที่จะกลับไปยังเอเรนเดลล์ เอลซ่าเสกมนุษย์หิมะขนาดยักษ์ขึ้นมาเพื่อนำพวกเขาออกไปจากวัง ผมของอันนาเริ่มกลายเป็นสีขาว ทำให้อันนาเริ่มกังวล คริสตอฟฟ์อาสาพาอันนาไปหาพวกโทรลล์ ที่ซึ่งเขานับถือเป็นครอบครัว และเพราะเขาเองก็เคยเห็นพ่อแม่ของอันนามาขอความช่วยเหลือจึงรีบออกเดินทางกลับไปยังเอเรนเดลล์ เพื่อให้อันนาได้พบกับฮานส์ที่คิดว่าคือรักแท้ของอันนาขณะเดียวกัน ด้วยความกังวล ฮานส์ได้ออกไปตามหาอันนา โดยมีทหารสองนายของดยุคแห่งวีเซิลตันซึ่งไดรับการกำชับให้สังหารเอลซ่า อาสาร่วมเดินทางไปกับฮานส์ด้วย เมื่อไปถึงพระราชวังน้ำแข็ง ขณะที่ฮานส์ต่อสูกับมนุษย์หิมะยักษ์ที่เอลซ่าสร้าง ทหารของดยุคได้มุ่งหน้าเข้าภายไปในวังเพื่อเตรียมสังหารเอลซ่า เอลซ่าพยายามใช้พลังของเธอต่อสู้กลับพวดเขาและเกือบฆ่าทหารทั้งสอง แต่ฮานส์เข้ามาถึงในเหตุการณ์และขอร้องเอลซ่าให้หยุด ขณะที่ เอลซ่าตั้งสติได้ ทหารของดยุคได้ยกหน้าไม้ขึ้นเตรียมฆ่าเธอ ฮานส์เข้าไปปัดหน้าไม้ขึ้นยิงใส่โคมน้ำแข็งเหนือเอลซ่า เอลซ่าวิ่งหลบแต่ล้มและหมดสติไป ก่อนจะฟื้นในห้องขังที่เอเรนเดลล์ ฮานส์ขอร้องให้เอลซ่าหยุดหิมะนี้ แต่เธอบอกว่าเธอไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไร เพียงไม่นาน คริสตอฟฟ์พาอันนากลับมาถึงเอเรนเดลล์ อันนาเล่าเรื่องการกระทำแห่งรักแท้ให้ฮานส์ แต่ก่อนที่ฮานส์จะจุมพิตอันนา ฮานส์ก็ได้เปิดเผยตัวตนออกมาว่าเรื่องที่เขารักอันนาเป็นเรื่องที่เขาสร้างขึ้น การที่เขามีพี่ชายถึงสิบสองคน ทำให้เขาไม่มีทางจะมีอำนาจได้เลย เขาจึงคิดจะแต่งงานกับอันนา ก็เพื่อเตรียมจะยึดตำแหน่งราชาแห่งเอเรนเดลล์ได้หากเขาวางแผนฆ่าเอลซ่าอย่างลับๆได้สำเร็จฮานส์ขังอันนาทิ้งไว้ในห้องให้เธอทนกับความหนาวเย็นจนกว่าจะตาย และหลอกให้เหล่าขุนนางเชื่อว่าเขาได้ให้ปฏิญาณแต่งงานกับอันนาก่อนเธอตาย ทำให้เขาเป็นผู้มีอำนาจอย่างสมบูรณ์ และประกาศให้เอลซ่าเป็นกบฏและสั่งประหารชีวิต แต่เอลซ่านั้นใช้พลังของเธอช่วยหนีออกไปจากที่คุมขังได้เสียก่อน ทว่าความหวาดกลัวของเธอทำให้เกิดพายุหิมะอย่างรุนแรงรอบเอเรนเดลล์ คริสตอฟฟ์และสเวนมุ่งหน้าฝ่าพายุหิมะเพื่อพยายามกลับเข้าไปในวัง ในขณะที่โอลาฟเข้ามาช่วยอันนาเอาไว้ได้และพาเธอหนีออกจากวังเพื่อไปหาคริสตอฟฟ์ ฮานส์ตามหาเอลซ่าในพายุหิมะจนเจอ และหลอกเธอว่าอันนาตายแล้ว เธอล้มลง ด้วยความเสียใจพายุหิมะหยุดนิ่ง อันนาซึ่งกำลังเดินไปหาคริสตอฟฟ์ เห็นฮานส์ที่กำลังคว้าดาบขึ้นมาเพื่อเตรียมสังหารเอลซ่าอยู่ใกล้ๆ จึงได้วิ่งเอาตัวของเธอเข้าไปขวาง ก่อนที่ร่างของเธอจะกลายเป็นน้ำแข็งในเสี้ยววินาทีสุดท้าย ดาบของฮานส์ระเบิดออกและกระแทกเขาจนหมดสติ เอลซ่าหันมาเห็นร่างของอันนาและกอดเธอไว้อย่างเสียใจ ทว่าการกระทำของเอลซ่านั้นเป็นการกระทำแห่งรักแท้ ร่างน้ำแข็งของเธอค่อยๆละลายและกลับมามีชีวิตอีกครั้ง เอลซ่าจึงเข้าใจแล้วว่า ความรักนี่เองที่ทำให้เธอควบคุมพลังของเธอได้ ก่อนที่เธอจะใช้พลังของเธอค่อยๆละลายหิมะที่ปกคลุมไปทั่วทั้งอาณาจักรฮานส์ถูกส่งตัวกลับไปยังอาณาจักรของเขาเพื่อรับโทษ เอลซ่าประกาศตัดขาดทางการค้ากับเมืองวีเซิลตันท่ามกลางคำคัดค้านที่ไร้ผลของดยุค อันนาซื้อรถเลื่อนคันใหม่ให้คริสตอฟฟ์ชดใช้คันที่เสียไป ก่อนที่คริสตอฟฟ์จะจูบเธอด้วยความดีใจ เอลซ่าใช้พลังของเธอเปลี่ยนพื้นที่ในวังเป็นให้เป็นลานน้ำแข็งให้ชาวเมืองได้เพลิดเพลินกันอย่างมีความสุข และบอกอันนาว่าพวกเธอจะไม่มีวันปิดประตูวังอีกต่อไป

ทอยสตอรี่






                                                             

CR:wikipedia.2561.ทอยสตอรี่.(ออนไลน์).
สืบค้นวันที่24/มกราคม/2561
https://th.wikipedia.org/wiki/ทอย_สตอรี่


         
     ทอย สตอรี่ (อังกฤษ: Toy Story) เป็นภาพยนตร์แอนิเมชันคู่หูแนวตลกผจญภัยสร้างด้วยคอมพิวเตอร์ สร้างโดยพิกซาร์ และจำหน่ายโดยวอลต์ดิสนีย์พิกเชอส์ ภาพยนตร์เป็นงานกำกับเรื่องแรกของจอห์น แลสเซเทอร์ ทอย สตอรี่เป็นภาพยนตร์แอนิเมชันเรื่องยาวเรื่องแรกที่สร้างด้วยคอมพิวเตอร์ทั้งหมด และเป็นภาพยนตร์เรื่องแรกที่สร้างโดยพิกซาร์เนื้อเรื่องเกิดขึ้นในโลกที่ของเล่นมานุษยรูปนิยมแสร้งทำเป็นไม่มีชีวิตในเวลาที่มนุษย์ไม่อยู่ภาพยนตร์เล่าเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างวูดีตุ๊กตาคาวบอยยุคเก่า (ให้เสียงโดยทอม แฮงส์) และบัซซ์ ไลต์เยียร์ หุ่นแอ็กชันนักดาราศาสตร์ (ให้เสียงโดยทิม อัลเลน) โดยเริ่มจากความเป็นอริแข่งกันเรียกร้องความสนใจจากแอนดี เจ้าของของพวกเขา กลายเป็นเพื่อนร่วมมือกันเพื่อให้ได้กลับมาอยู่กับแอนดีที่กำลังจะย้ายบ้านไปอยู่หลังใหม่ บทภาพยนตร์เขียนโดยจอสส์ วีดอน แอนดรูว์ สแตนตัน โจล โคเฮน และอเล็ก โซโคโลว อ้างอิงเนื้อเรื่องของแลสเซเทอร์ พีต ด็อกเตอร์ สแตนตัน และโจ แรนฟต์ ดนตรีประกอบภาพยนตร์โดยแรนดี นิวแมน และอำนวยการสร้างโดยสตีฟ จอบส์ และเอ็ดวิน แคตมัลล์พิกซาร์ ซึ่งเคยเป็นผู้สร้างภาพยนตร์แอนิเมชันเรื่องสั้นเพื่อส่งเสริมผลิตภัณฑ์คอมพิวเตอร์ได้รับการทาบทามจากดิสนีย์ในการสร้างภาพยนตร์แอนิเมชันสร้างด้วยคอมพิวเตอร์ หลังจากภาพยนตร์เรื่องสั้นของเขาเรื่อง ทินทอย (1988) ประสบความสำเร็จ ซึ่งเล่าเรื่องด้วยมุมมองของของเล่นขนาดเล็กเช่นกัน แลสเซเทอร์ สแตนตัน และด็อกเตอร์เขียนบทรุ่นแรกแต่ถูกดิสนีย์พับทิ้งไป เนื่องจากเขาต้องการให้ภาพยนตร์มีเค้าโครงชัดเจนกว่านี้ หลังจากบทภาพยนตร์ถูกพับทิ้ง การสร้างต้องหยุดลงและมีการเขียนบทขึ้นมาใหม่ และสะท้อนโทนเรื่องและเนื้อหาที่พิกซาร์ต้องการให้เป็นมากขึ้น"โดยลึก ๆ แล้ว ของเล่นต้องการให้เด็ก ๆ เล่นกับพวกเขา และความต้องการนี้ผลักดันให้เกิดความหวัง ความกลัว และการกระทำต่าง ๆ"สตูดิโอมีพนักงานจำนวนไม่มาก และสร้างภาพยนตร์เรื่องนี้ภายใต้ข้อจำกัดเกี่ยวกับการเงินที่น้อยภาพยนตร์ออกฉายในวันที่ 22 พฤศจิกายน ค.ศ. 1995 เคยทำรายได้ในสัปดาห์แรกได้มากที่สุด และทำรายได้ได้ 373 ล้านดอลลาร์สหรัฐทั่วโลกภาพยนตร์ได้รับคำชมจากนักวิจารณ์ โดยยกย่องเรื่องนวัตกรรมการทำแอนิเมชัน บทาภพยนตร์ที่ฉลาดและมีเนื้อหาเข้มข้น และชมการแสดงของแฮงส์และอัลเลน นักวิจารณ์จำนวนมากจัดให้ภาพยนตร์เป็นหนึ่งในภาพยนตร์แอนิเมชันที่ดีที่สุด ภาพยนตร์ได้เข้าชิงรางวัลอะคาเดมีสามรางวัล ได้แก่รางวัลบทภาพยนตร์ดั้งเดิมยอดเยี่ยม ดนตรีประกอบภาพยนตร์ยอดเยี่ยม และเพลงประกอบภาพยนตร์ยอดเยี่ยมจากเพลง "ยูฟกอตอะเฟรนด์อินมี" และได้รับรางวัลสเปเชียลอะชีฟเมนต์อะคาเดมีอะวอร์ด ภาพยนตร์ถูกบันทึกลงในหอสมุดภาพยนตร์แห่งชาติว่า "มีความสำคัญเชิงวัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ หรือสุนทรียศาสตร์" เมื่อปี ค.ศ. 2005นอกจากออกจำหน่ายเป็นสื่อเล่นตามบ้านเรือนและฉายในโรงภาพยนตร์แล้ว มีการออกของเล่น วิดีโอเกม สวนสนุก เรื่องแยก สินค้า และภาพยนตร์ภาคต่ออีกสองภาคคือ ทอย สตอรี่ 2 (1999) และทอย สตอรี่ 3 (2010) ทั้งสองภาคประสบความสำเร็จทางรายได้และได้รับการยกย่อง ภาคต่อภาคที่สาม ทอย สตอรี่ 4 มีกำหนดออกฉายในปี ค.ศ. 2019

เนื้้อเรื่องย่อ

วูดี้ ของเล่นคาวบอย ในฐานะของเล่นตัวโปรดของแอนดี้ เด็กชายวัย 6 ขวบ ทำให้วูดี้กลายเป็นหัวหน้าบรรดาของเล่น ด้วยความมาดมั่น ใกล้วันที่ย้ายบ้าน แอนดี้ จึงจัดวันเกิดก่อนวันเกิดจริง แต่เมื่อบัซ ไลท์เยียร์ ตุ๊กตาตำรวจอวกาศที่แม่ให้เป็นของขวัญซอไพรซ์ ได้ก้าวเข้าในถิ่นของวูดี้ในฐานะของขวัญวันเกิดชิ้นโปรดของแอนดี้ การชิงดีชิงเด่น เพื่อเป็นขวัญใจ ของเจ้านายตัวน้อยจึงเกิดขึ้น และส่งผลให้ทั้งคู่ต้องตกไปอยู่ในบ้านของซิด เด็กชายข้างบ้านผู้รักที่จะทำลายของเล่นเป็นชีวิตจิตใจ และการร่วมมือระหว่างวูดี้กับบัซ เพื่อหลบหนีกลับมานี่เองที่ทำให้พวกเขาตระหนักถึงมิตรแท้ วู้ดดี้ และ บัซ ไลท์เยียร์ ได้พยายามไปให้ทันรถขนส่งให้ได้ คู่หูที่ดูไม่น่าจะเข้ากันได้ทั้งสองต้องเรียนรู้ที่จะปล่อยวายความแตกต่างของแต่ละคนเพื่อที่จะเอาชนะอุปสรรคที่จะทำให้ทั้งคู่ต้องแยกจาก แอนดี้ เจ้าของพวกเขา กับการผจญภัยสุดป่วน ภารกิจสุดฮา กับเพื่อนพ้องของเล่นอีกมากมาย

ผจญภัยตำนานหมู่เกาะทะเลใต้

 ผจญภัยตำนานหมู่เกาะทะเลใต้




                                             

CR:wikipedia.2561.ผจญภัยตำนานหมู่เกาะทะเลใต้.(ออนไลน์).
สืบค้นวันที่24/มกราคม/2561
https://th.wikipedia.org/wiki/ผจญภัยตำนานหมู่เกาะทะเลใต้




      ผจญภัยตำนานหมู่เกาะทะเลใต้ หรือ โมอาน่า (อังกฤษ : Moana) เป็นภาพยนตร์เพลงแอนิเมชั่นสามมิติแนวแฟนตาซีคอมเมดี้และผจญภัย ในปี พ.ศ. 2559 อำนวยการสร้างโดย วอลต์ดิสนีย์แอนิเมชันสตูดิโอส์ จัดจำหน่ายโดยวอลท์ ดิสนีย์ พิคเจอร์ส กำกับโดย รอน เคลเมนท์ และจอห์น มัสเคอร์ ช่วยกำกับโดย ดอน ฮอลล์ และ คริส วิลเลียมส์

เนื้อเรื่องย่อ

      หินสีเขียวขนาดเล็กที่เป็นหัวใจลึกลับแห่งการสร้างสรรค์ของเทพเทฟิติ ถูกขโมยโดยมาวอิ มนุษย์ครึ่งเทพซึ่งกำลังวางแผนที่จะมอบเป็นของขวัญให้มนุษย์ ขณะที่มาวอิหนีเขาถูกโจมตีโดยปีศาจลาวา เทคา ทำให้หัวใจของ เทฟิติ และตะขอตกปลาวิเศษของมาวอิ จมหายไปในมหาสมุทร
หนึ่งพันปีต่อมา โมอาน่า ลูกสาวและทายาทของหัวหน้าเกาะเล็กๆที่ชื่อว่า โมทุนุย ในแถบพอลินีเชีย เธอได้รับการคัดเลือกจากท้องทะเลให้เป็นผู้ที่จะนำหัวใจไปคืน แต่พ่อของเธอ ทุอิ มาหาเธอ เขายืนยันว่าเกาะนี้มีทุกอย่างที่ชาวบ้านต้องการ แต่หลายปีต่อมาปลาเริ่มขาดแคลนและพืชผักของเกาะก็เริ่มแห้งแล้ง โมอาน่า เสนอให้ไปไกลกว่าแนวปะการังเพื่อหาปลามากขึ้น ทุอิปฏิเสธคำขอของเธอเนื่องจากการแล่นเรือผ่านแนวปะการังเป็นสิ่งต้องห้ามทาลา คุณย่าของโมอาน่าได้พาโมอาน่าไปยังถ้ำลับที่อยู่หลังน้ำตก ซึ่งเธอได้พบเรือภายในและพบว่าบรรพบุรุษของเธอคือนักแล่นเรือ เป็นนักเดินทางและค้นพบเกาะใหม่ทั่วโลก ทาลาอธิบายว่าพวกเขาหยุดการเดินทางเพราะมาวอิขโมยหัวใจของเทฟิติ ทำให้สัตว์ประหลาดปรากฏตัวในมหาสมุทร จากนั้นทาลากล่าวว่าความมืดของเทคาได้ลุกลามจากเกาะหนึ่งไปสู่อีกเกาะหนึ่งเรื่อยๆ และค่อยๆพรากชีวิตไปทีละช้าๆ ทาลาได้ให้หัวใจแห่งเทฟิติแก่โมอาน่า
ต่อมา ทาลาป่วยหนักและลมหายใจสุดท้ายเธอได้บอกโมอาน่าให้ออกเรือศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่ในถ้ำนั้นเพื่อตามหามาวอิ ทาลาได้เกิดใหม่เป็นกระเบนราหูและติดตามเธอไปด้วย หลังจากคลื่นไต้ฝุ่นพลิกเรือใบของเธอและซัดเธอจนหมดสติ เธอตื่นขึ้นมาในเช้าวันรุ่งขึ้นบนเกาะที่มาวอิอาศัยอยู่ แต่เขาขังโมอาน่าไว้ในถ้ำและใช้เรือของโมอาน่าเพื่อออกตามหาตะขอตกปลาวิเศษของเขา แต่โมอาน่าหนีออกมาได้ตามมาวอิไป โมอาน่าพยายามโน้มน้าวให้เขาเปลี่ยนใจไปกับเธอ แต่มาวอิปฏิเสธเพราะกลัวว่าพลังของหัวใจแห่งเทฟิติจะดึงดูดสิ่งมีชีวิตที่ร้ายกาจโจรสลัดมะพร้าวที่มีชื่อเรียกว่า กากาโมร่า ล้อมรอบเรือและขโมยหัวใจไป แต่มาวอิและโมอาน่า ก็สามารถนำมันกลับคืนมาได้ มาวอิ ตกลงจะช่วยคืนหัวใจแห่งเทฟิติให้ หลังจากที่เขาได้ตะขอตกปลาวิเศษคืน ซึ่งซ่อนอยู่ใน ลาโลทัย ดินแดนลึกลับที่มีแต่สัตว์ประหลาด พวกเขาได้มันมาโดยการหลอกลวงทามาทอ ปูมะพร้าวยักษ์ เมาอิสอนโมอาน่า เกี่ยวกับวิธีการแล่นเรือและนำทางที่ถูกต้อง เมื่อมาถึงเทฟิติและพยายามเข้าไปยังเกาะที่เทฟิติอาศัยอยู่ แต่ถูกเทคาโจมตี พวกเขาถูกโจมตีอย่างรุนแรงและถูกซัดออกมาจากเทฟิติ ตะขอตกปลาวิเศษของมาวอิเสียหาย เขาไม่ต้องการจะเข้าไปอีก และทิ้งโมอาน่าไปด้วยความวิตกกังวล โมอาน่าขอร้องให้ท้องทะเลนำหัวใจของเทฟิติไปและเลือกคนอื่นเพื่อส่งกลับไปยังเทฟิติ วิญญาณของทาลามาหาเธอและให้กำลังใจแก่ให้โมนาเพื่อหาการเรียกตัวตนที่แท้จริงของเธอ แรงบันดาลใจนั้นทำให้โมอาน่า นำหัวใจแห่งเทฟิติกลับคืนมาและกลับไปยังเทฟิติเพียงคนเดียว มาวอิได้เปลี่ยนใจกลับมารบกวนเทคา ปีศาจลาวาและตะขอของเขาถูกทำลายในการต่อสู้นั้น โมอาน่าตระหนักว่าเทคาก็คือเทฟิติที่ไม่มีหัวใจของเทฟิติ โมอาน่า ขอร้องให้ท้องทะเลช่วยเปิดทางให้เทคาเข้าหาเธอ เธอร้องเพลงเพื่อช่วยให้เทคาจำได้ว่าตัวตนที่แท้ของเธอเป็นใคร ซึ่งช่วยให้โมอาน่ สามารถฟื้นฟูจิตใจของเธอได้ เทฟิติเสกเรือแคนูใหม่ให้แก่โมอาน่า และตะขอตกปลาวิเศษอันใหม่แก่ มาวอิ ก่อนที่จะกลับไปเป็นรูปร่างเกาะเทฟิติเหมือนก่อนโมอาน่า ได้อำลา มาวอิ และกลับไปยังเกาะของเธอที่กำลังฟื้นฟูพร้อมกับ เฮย์เฮย์ ต่อมาชาวบ้านและโมอาน่า (ซึ่งกลายเป็นหัวหน้าคนใหม่ของพวกเขา) เริ่มเดินทางท่องเที่ยวและแล่นเรือไปตามเกาะต่างๆตามที่มาวอิ และทาลาได้มาร่วมกันในร่างของเหยี่ยวยักษ์และร่างของปลากระเบนราหูตามลำดับ